ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน!
การพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้าสำหรับคนทำงาน เป็นสิ่งสำคัญ แต่...น่าจะเป็นคำพูดติดปากของใครหลายคนคือ ไม่มีเวลา
ไม่ว่า ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ไม่มีเวลาพูดคุยกับผู้รู้ให้เกิดมิติด้านความคิดที่มากขึ้น
ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันเลยค่ะ เพียงแต่เราต้องลงมือทำ
ยิ่งในช่วงโควิด 19 ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ทุกคนเผชิญวิกฤตพร้อมกันทั่วโลก หลายคนได้ใช้เวลาในช่วงนี้พักผ่อนและหันมาใส่ใส่ใจตัวเองมากขึ้น ได้คุยกับครอบครัวมากขึ้น และแน่นอนว่าทุกคนคงเห็นความสำคัญของเวลาและโอกาสที่เข้ามาในชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น ในช่วงหลังโควิดนี้ คุณได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าแล้วหรือยัง?
หนึ่งในวิธีการใช้เวลาให้คุ้มค่า คือ การพัฒนาศักยภาพของตนเองให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ แม้ในยามที่โลกเผชิญหน้ากับวิกฤต หากตัวเรามีทัศนคติ และความสามารถ ไม่ว่าจะเป็น soft skill หรือ hard skill แน่นอนว่าจะฝ่าวิกฤตไปได้อย่างแน่นอน
วันนี้แอดมิน มีวิธีการพัฒนาของคนแต่ละสไตล์ฉบับ DiSC มาฝากกันค่ะ เราลองวิเคราะห์กันดูนะคะ ว่า เราเป็นสไตล์ไหน แล้วลองนำวิธีหรือปรับวิธีการในสไตล์ของคุณไปพัฒนาตนเองกันนะคะ
D Style: เชื่อมั่นในทีมของคุณ
ผู้นำสไตล์ D จะชอบความคืบหน้า เพื่อให้สามารถวางแผนและคาดการณ์อุปสรรคที่จะส่งผลต่อความก้าวหน้าของพวกเขา ในฐานะที่เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล พวกเขาก็สามารถเดินนำหน้าทีม หรือแม้แต่ตัวพวกเขาด้วยกันเองได้ถ้าไม่ระมัดระวัง ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคนเป็นผู้นำกำลังหมกมุ่นอยู่กับการทำงาน และด้วยความที่ D ต้องการความรวดเร็ว จะต้องได้งานให้เร็วที่สุด D จะต้องเดินหรือก้าวช้าลงหน่อย ให้ความเชื่อใจแก่คนในทีมว่าพวกเขาสามารถสนับสนุนและร่วมกันทำให้เกิดความสำเร็จไปร่วมกันได้ ตัวอย่างเช่น หากทีมกำลังเจอวิกฤต ให้คุณวางแผนการรับมืออย่างชัดเจน กำหนดได้ว่าให้ใครทำอะไรอย่างเป็นขั้นตอน จะช่วยให้ทีมแสดงความสามารถและรับมือสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้คุณไม่ต้องหมกมุ่นความคิดอยู่กับงานได้ แทนที่จะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
i Style: สร้างความสัมพันธ์อย่างมีความหมาย
ผู้นำสไตล์ i รู้จักกันในนามของ “นักสร้างมนุษย์สัมพันธ์” อันดับ 1 จาก DiSC เลยก็ว่าได้ ด้วยความที่ i เป็นคนที่ชอบเข้าสังคม สำหรับ I แล้ว การพูดคุยกับคนอื่นจึงเป็นการชาร์จพลังงานของพวกเขา แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นการติดต่อพูดคุย ก็เป็นเรื่องง่ายเช่นกันที่จะลืมวัตถุประสงค์ของการสื่อสารในครั้งนั้น ๆ บางครั้ง i จึงต้องการเวลาในการนึกคิดว่าเป้าหมาย หรือ สิ่งที่พวกเขาต้องการจริง ๆ คืออะไร ซึ่ง i ต้องการคำแนะนำ คำปรึกษา จากคนใกล้ชิดหรือเพื่อน ๆ ในช่วงนี้ เช่นเดียวกับ D Style i ต้องสื่อสารหรือพูดคุยให้น้อยลง และฟังให้มากขึ้น เพื่อเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นปัจจุบัน
S Style: สื่อสารให้มากขึ้น
คนสไตล์ S มักจะชอบสังเกต มากกว่า เข้าไปพูดคุยตรง ๆ ถ้าไม่ได้มีความจำเป็นจริง ๆ ซึ่งบางครั้งทำให้คนอื่นมองว่า S เป็นคนเก็บตัว และ แม้ว่าคนอื่นจะเบื่อก็จะไม่สนใจคนสไตล์ S เท่าไหร่ การที่ S อยู่เฉย ๆ จึงถูกเข้าใจผิดได้ง่าย ๆ จากการที่ไม่ได้อยากเข้าไปพูดคุยกับคนอื่นก่อนทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้น S โดยธรรมชาติแล้วเป็นนักเชื่อมความสัมพันธ์ เป็นผู้ฟังที่ดี และชอบการสนับสนุนผู้อื่นอีกด้วย แต่มักจะเก็บความคิดเห็นของตัวเองเอาไว้กับตัว ในวันนี้หาก S จะทำให้ดีขึ้น ต้องพูดความคิดและความรู้สึกของตัวเองออกมาให้ผู้คนรอบตัวหรือคนใกล้ชิดได้ฟังบ้าง จะช่วยให้พวกเขารู้สึกเข้าถึงคุณ เข้าใจสิ่งที่คุณต้องการ และทำให้พูดคุยกันได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ
C Style: ใส่ใจผู้คนให้มากขึ้น
คนสไตล์ C หากต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเดี๋ยวนี้ จะพบว่าต้องพยายามมากกว่าปกติ พวกเขามักจะวิเคราะห์พิจารณา ตรวจสอบความถูกต้อง และหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตัวเองเสมอ จากมุมมองภายนอกอาจมองว่า C เข้าถึงได้ยาก และจริงจังกับหน้าที่หรืองานที่ได้รับมอบหมาย เพราะ C จะเป็นผู้สังเกตการณ์อย่างเงียบ ๆ คนสไตล์ C จะกังวลว่าจะได้ผลลัพธ์ตรงตามที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่มากกว่าเรื่อง ใครจะรู้สึกอย่างไรเวลาได้รับข้อมูลจาก C และต้องทำให้เสร็จตามที่เขากำหนด C ต้องต่อสู้กับตัวเองในการยอมรับสถานะการทำงานเป็นอยู่ของคนอื่น ๆ ในหลาย ๆ ครั้ง “ดีพอ” ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้อง “เพอร์เฟค” ที่สำคัญคือ การทำความรู้จักและเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นเป็นก็สำคัญกว่ารายงานที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ C ควรจะเน้นไปที่การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นแทนการหาเหตุผลในโปรเจคหรือกระบวนการทำงานจากคนอื่น
เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่เรามีในปัจจุบันสามารถเปลี่ยนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ไม่มีใครคิดว่าตนจะต้องเผชิญกับวิกฤตหรือความไม่แน่นอนของโลกใบนี้ตลอดชีวิตหรอก จริงไหมคะ? ดังนั้น ใช้ชีวิตในทุก ๆ วันให้ดีที่สุด ลองทำทุกทางที่เป็นไปได้ ทุกคนสามารถพัฒนาตัวเองได้เสมอ ใช้เวลาอยู่กับตนเองและคิดว่าอะไรที่เป็นอุปสรรคในการรักษาความสัมพันธ์ของคุณ ไม่ว่าจะกับครอบครัว เพื่อน หรือที่สำคัญที่สุดเลยคือ ตัวคุณเอง
Credit: Brad Smith